Adiruj Mahaniyom

Agricultural Chemicals นักวิชาด้านเคมีการเกษตร

ยาฆ่าหญ้า แบบ ก่อนปลูก, ก่อนงอก, หลังงอก

สารเคมีกำจัดวัชพืช (Herbicide หรือ Weedicide) หรือที่เรียกทั่วไปว่า “ยาฆ่าหญ้า” เป็นสารกำจัดศัตรูพืชที่ใช้ฆ่าพืชที่ไม่ต้องการ หรือยับยั้งการเจริญเติบโตของวัชพืช ไม่ว่าจะเป็นในขณะที่วัชพืชงอกขึ้นมาแล้ว หรือยังเป็นเมล็ดอยู่ รวมไปถึงชิ้นส่วนต่าง ๆ ของวัชพืชที่ขยายพันธุ์ได้ที่อยู่ในดิน หรืออยู่บนดิน ในการผลิตสินค้าทางการเกษตรจำเป็นต้องมีปัจจัยการผลิตเข้ามาสนับสนุน เพื่อให้ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพของผลผลิตพอเพียงกับความต้องการบริโภคภายในประเทศ และเพื่อการส่งออก สารเคมีกำจัดวัชพืชนั้นจึงมีความสำคัญต่อเกษตรกรรมเพื่อตัวควบคุมวัชพืช อีกทั้งสารเคมีกำจัดวัชพืชยังมีการใช้อย่างกว้างขวางทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ปัจจุบันสารกำจัดวัชพืชมีหลายชนิด ในการเลือกสารกำจัดวัชพืชนั้นขึ้นอยู่กับความเฉพาะเจาะจงตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ ซึ่งหากแบ่งกลุ่มของสารเคมีกำจัดวัชพืชตามลักษณะการใช้งานสามารถแบ่งประเภทได้ดังนี้ ยาฆ่าหญ้า ประเภทก่อนปลูก สารกำจัดวัชพืชประเภทก่อนปลูกหรือล้างแปลง (Pre-Planting) : เป็นสารเคมีที่ใช้พ่นก่อนการเตรียมดิน เพื่อกำจัดวัชพืชที่ขึ้นอยู่ก่อน แล้วจึงไถเตรียมดิน หรือใช้พ่นเพื่อฆ่าวัชพืชแทนการเตรียมดินแล้วปลูกพืช โดยสารกำจัดวัชพืชประเภทนี้ได้แก่ ไกลโฟเซท (Glyphosate), พาราควอท (Paraquat) หรือที่รู้จักในชื่อ กรัมม็อกโซน (Gramoxone), อะทราซีน (Atrazine) หรืออะมีทรีน (Ametryn) เป็นต้น ซึ่งออกฤทธิ์โดยการดูดซึมเข้าสู่วัชพืชเพื่อใช้ป้องกันการขึ้นของหญ้า ยาฆ่าหญ้า ประเภทก่อนงอก สารกำจัดวัชพืชประเภทก่อนงอก (Pre-Emergence) : ส่วนใหญ่เกษตรกรมักเรียก “ยาคุมหญ้า” เป็นสารเคมีที่ใช้ฉีดพ่นหลังปลูกพืช และก่อนที่วัชพืชจะงอกในช่วงเวลาประมาณไม่เกิน […]

ยาฆ่าหญ้า แบบ ก่อนปลูก, ก่อนงอก, หลังงอก Read More »

กลูโฟซิเนต แอมโมเนียม ยาฆ่าหญ้าใน ไร่อ้อย

วัชพืชเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการปลูกอ้อย และส่งผลให้ผลผลิตของอ้อยลดต่ำลงเป็นอย่างมากรวมถึงต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการใช้ กลูโฟซิเนต-แอมโมเนียม ไม่ทันตามเวลา โดยความเสียหายจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของวัชพืชและอายุของอ้อย วัชพืชในไร่อ้อย มีกี่แบบ? วัชพืชสำคัญในไร่อ้อย สามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ดังนี้ คือ วัชพืชใบกว้าง เป็นวัชพืชใบเลี้ยงคู่ การขยายพันธุ์ส่วนใหญ่ใช้เมล็ด เช่น ผักเบี้ยหิน โคกกระสุน ผักยาง เป็นต้น และวัชพืชใบแคบ ซึ่งเป็นวัชพืชใบเลี้ยงเดี่ยว การขยายพันธุ์มีหลายแบบ ส่วนใหญ่ใช้เมล็ดนอกจากนั้นขยายพันธุ์โดยใช้ส่วนรากและลำต้น วัชพืชพวกนี้แบ่งได้ 2 กลุ่ม ได้แก่ วัชพืชวงศ์หญ้า และวัชพืชวงศ์กก ซึ่งการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชจึงเป็นทางเลือกหนึ่งเพื่อเพิ่มผลผลิตสำหรับเกษตรกรรมไร่อ้อย           กลูโฟซิเนต แอมโมเนีย กำจัดหญ้าวัชพืช กลูโฟซิเนต-แอมโมเนียม เป็นสารกำจัดวัชพืชชนิดหนึ่งที่นิยมใช้หลังงอกแบบไม่เลือกทำลาย ซึ่งจะเป็นอันตรายกับพืชทุกชนิดที่รับสารนี้เข้าไป มักใช้กำจัดวัชพืชทั้งใบแคบ เช่น หญ้าหางนกยูงใหญ่ หญ้าตีนติด หญ้านกสีชมพู หญ้าตีนกา และหญ้าดอกขาวไร่ ใช้กำจัดหญ้าตีนนก หญ้าลูกเห็บ หญ้ารังนก หญ้าตีนกา หญ้าตีนติด หญ้าปากควาย หญ้านกสีชมพู หญ้าขจรจบ หญ้าข้อ หญ้าขน

กลูโฟซิเนต แอมโมเนียม ยาฆ่าหญ้าใน ไร่อ้อย Read More »

ไกลโฟเซต ตกค้างในดิน ผลกระทบอาจมากกว่าที่คิด !!

ไกลโฟเซต เป็นอีกหนึ่งสารกำจัดวัชพืชยอดฮิตในไทย โดยจะออกฤทธิ์กับวัชพืชในช่วงกำลังเจริญเติบโต (post emergence) ไม่สามารถใช้เป็นสารควบคุมก่อนงอกของพืชได้ กลไกที่ออกฤทธิ์ คือ คอยยับยั้งเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ในการสังเคราะห์กรดอะมิโนจำพวกอะโรมาติกที่สำคัญของพืช 3 ชนิด คือ ไทโรซีน ทริปโตเฟน และ ฟีนิลอะลานีน หากใช้ไกลโฟเซต..!!  จะเกิดอะไรกับดินที่เราใช้ในการเพาะปลูก ?  สารไกลโฟเซต อาจตกค้างในดินมากกว่า 1 ปี ในดินเหนียวซึ่งจะมีสารอินทรียวัตถุมากและจะถูกชะล้างได้เร็วในดินทราย ดินที่มีสารไกลโฟเซตตกค้างอยู่ อาจส่งผลต่อการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมและห่วงโซ่อาหารตัวอย่างเช่น ไส้เดือนดิน แมลงที่เป็นประโยชน์ต่อพืชนั้นตายลงได้ และสารนี้ยังส่งผลกระทบต่อผักที่ปลูกในดินที่มีสารไกลโฟเซตตกค้างอยู่ ผลกระทบ อาจไม่จบ แค่ดินเสีย ..!! การตกค้างของ ไกลโฟเซต ในสิ่งแวดล้อมส่งผลให้ผู้ที่ได้รับสารปนเปื้นชนิดนี้เข้าไปสะสมในร่างกายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้หญิงจะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มมากขึ้น โดยที่สารไกลโฟเซตมีความสัมพันธ์กับการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นของเซลล์มะเร็งเต้านมชนิดพึ่งฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น 5-13 เท่า นอกจากนี้ยังมีข้อค้นพบว่า ไกลโฟเซทสัมพันธ์กับการเกิดโรคหลายชนิดเพิ่มมากขึ้น เช่น เบาหวาน โรคอ้วน อัลไซเมอร์ และทำให้เซลล์รกได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน ผ่านการสัมผัส หรือการดูดซึมอาหารของร่างกาย งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าแม้เป็นการตกค้างเพียงเล็กน้อยของสารไกลโฟเซตก็อาจจะส่งผลต่อการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ ก่อให้เกิดความผิดปกติของสารพันธุกรรม(ทำลายยีนและโครโมโซม)โดยจะไปรบกวนการทำงานของยีนที่ควบคุมการสร้างเอสโตรเจน และยังออกฤทธิ์ทำลายระบบประสาทส่วนกลางอีกด้วย

ไกลโฟเซต ตกค้างในดิน ผลกระทบอาจมากกว่าที่คิด !! Read More »

กลูโฟซิเนต แอมโมเนียม ทํางานอย่างไร

กลูโฟซิเนต-แอมโมเนียม เป็นผลิตภัณฑ์ กำจัดวัชพืช ที่ทํางานโดยการยับยั้งเอนไซม์ที่เป็นศูนย์กลางของการเผาผลาญของพืช พืชดูดซับสารนี้เป็นหลักผ่านใบและส่วนสีเขียวอื่น ๆ ในฐานะที่เป็นสารกําจัดวัชพืชแบบสัมผัสกลูโฟซิเนต – แอมโมเนียมจะมีผลเฉพาะเมื่อสัมผัสกับพืช สิ่งนี้ช่วยให้สามารถควบคุมวัชพืชได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อรากหรือต้องไถพรวน, ซึ่งเป็นสิ่งสําคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการกัดเซาะเช่นเนินเขา.   มีประสิทธิภาพในการต่อต้านวัชพืชในขณะที่มั่นใจในความปลอดภัยของพืช โหมดหลักของการกระทําของกลูโฟซิเนต – แอมโมเนียมคือการยับยั้งเอนไซม์กลูตามีนซินเทเทส เอนไซม์นี้เร่งการสังเคราะห์กลูตามีนจากกลูตาเมตและแอมโมเนียและมีบทบาทสําคัญในการเผาผลาญไนโตรเจนของพืช โหมดการทํางานนี้ – ไม่เหมือนใครในสารกําจัดวัชพืชในวงกว้าง – เป็นกุญแจสําคัญ ในการลดการพัฒนาความต้านทาน ต่อสารกําจัดวัชพืชอื่น ๆ เมื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Integrated Weed Management (IWM) ซึ่งรวมถึงการใช้โหมดการกําจัดวัชพืชหลายโหมดรวมถึงวิธีการควบคุมวัชพืชทางกายภาพและทางชีวภาพ หากสารกําจัดวัชพืชไม่ได้หมุนเวียนเนื่องจากความพร้อมใช้งานที่ จํากัด หรือการพึ่งพาผลิตภัณฑ์บางอย่างเช่นไกลโฟเสตมากเกินไปวัชพืชที่ทนต่อธรรมชาติจะอยู่รอดและแพร่กระจายได้ คนรุ่นต่อไปจะมีความต้านทานมากขึ้นซึ่งนําไปสู่ความเสียหายของพืชที่สําคัญ  โหมดการทํางานที่เป็นเอกลักษณ์ของกลูโฟซิเนต – แอมโมเนียมเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสําหรับไกลโฟเสตที่ใช้กันทั่วไปและสารกําจัดวัชพืชอื่น ๆ นอกจากนี้กลูโฟซิเนต – แอมโมเนียมเป็นสารกําจัดวัชพืชแบบสัมผัสซึ่งหมายความว่าสารออกฤทธิ์จะมีประสิทธิภาพเฉพาะเมื่อสัมผัสกับพืชเท่านั้น สารกําจัดวัชพืชจะย่อยสลายอย่างรวดเร็วในดินหลีกเลี่ยงการเข้าสู่แหล่งน้ําใต้ดิน เนื่องจากจําเป็นต้องมีการรักษาเพียงเล็กน้อยต่อฤดูปลูกเกษตรกรจึงหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานและทรัพยากรจํานวนมากโดยใช้สารกําจัดวัชพืชหลายชนิดในการเพาะปลูก สำหรับท่านใดสนใจ ยาฆ่าหญ้า อินทรย์ ไร้สารเคมี เราแนะนำ ยาฆ๋าหญ้า เพชรดำ ทำจากน้ำส้มควันไม้ ปลอดภัย ต่อผู้ใช้ และ สิ่งแวดล้อม

กลูโฟซิเนต แอมโมเนียม ทํางานอย่างไร Read More »

กลูโฟซิเนต แอมโมเนียม คือสารอะไร?

กลูโฟซิเนต-แอมโมเนียม เป็น สารกำจัดวัชพืช หรือที่เรียกกันว่า “ยาฆ่าหญ้า” ที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งใช้ในการ ควบคุมวัชพืช ในพืชมากกว่า 100 ชนิดในหลายประเทศทั่วโลก เกษตรกรพึ่งพากลูโฟซิเนต-แอมโมเนียมเพราะช่วยให้พืชผลมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากมีผลเฉพาะส่วนของพืชที่ใช้ มีประสิทธิภาพในการกำจัดวัชพืชหลายชนิด ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ยากำจัดวัชพืชหลายชนิดเพื่อควบคุมวัชพืชชนิดต่างๆ ในพืชผลนั้นๆ โหมดการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้เหมาะที่จะใช้ร่วมกับสารกำจัดวัชพืชอื่นๆ เพื่อลดความต้านทานต่อวัชพืช กลูโฟซิเนต-แอมโมเนียม ออกสู่ตลาดครั้งแรกในปี พ.ศ. 2527 ปัจจุบันได้รับการจดทะเบียนเพื่อใช้ในการ ควบคุมวัชพืช ในพืชหลากหลายชนิดทั่วโลก รวมทั้งถั่วเหลือง ข้าวโพด คาโนลา และฝ้าย ซึ่งได้รับการดัดแปลงทางพันธุวิศวกรรมเพื่อให้ทนทานต่อกลูโฟซิเนต-แอมโมเนียม . ในฐานะที่เป็นสารกำจัดวัชพืชในวงกว้าง Glufosinate-ammonium ทำหน้าที่ ต่อต้านวัชพืช และหญ้าใบกว้างทั้งปีและยืนต้น ซึ่งรวมถึงวัชพืชที่ต้านทานไกลโฟเสตที่ควบคุมได้ยาก เช่น อมาแรนทัส โลเลียม โคนีซา และมัลวา โหมดการทํางานที่เป็นเอกลักษณ์เป็นเครื่องมือสําคัญในการจัดการความต้านทานวัชพืชช่วยปรับปรุงสุขภาพของพืชผลผลิตทางการเกษตรและความมั่นคงด้านอาหารทั่วโลกเมื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Integrated Weed Management (IWM) ซึ่งแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่มีโหมดการทํางานของระบบรากสารกําจัดวัชพืชสามารถรักษากิ่งใหม่ที่โผล่ออกมาจากรากของต้นไม้ (หน่อ) ที่เลือกโดยไม่ทําร้ายต้นแม่หรือเถาวัลย์ควบคุมวัชพืชในเวลาเดียวกัน สิ่งนี้มีความสําคัญอย่างยิ่งสําหรับพืชเช่นเถาวัลย์ถั่วยืนต้นผลไม้หินหรือมะกอก หากท่านใดสนใจ ยาฆ่าหญ้า อินทรย์ ไร้สารเคมี เราแนะนำ

กลูโฟซิเนต แอมโมเนียม คือสารอะไร? Read More »

ไกลโฟเซต ออกฤทธิ์กี่วัน ?

ไกลโฟเซต เป็น ยาฆ่าหญ้า ในกลุ่ม phosphonic acid ชื่อทางการค้าที่พบบ่อยในไทยและต่างประเทศคือ “ราวด์อั๊พ” เป็นสารกำจัดวัชพืชที่มีการนำเข้าปริมาณสูงที่สุดและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี เป็นสารประเภทใช้พ่นทางใบหลังจากวัชพืชงอกแล้ว และกำจัดวัชพืชแบบไม่เลือกทำลายเหมือนกัน แต่การตายของวัชพืชมีรายละเอียดที่ต่างกัน สถาบันวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศภายใต้องค์การอนามัยโลกกำหนดให้เป็นสารก่อมะเร็ง อาจทำให้เกืดมะเร็งในมุษย์ได้ ในไกลโฟเซตมักมีการใช้ไกลโฟเซตด้วยการฉีดพ่นและดูดซึมทางใบหรือการฉีดเข้าที่ลำต้นของวัชพืชที่ต้องการทำลาย อย่างวัชพืชจำพวกหญ้าคา ไมยราบ หญ้าแห้วหมูเพื่อลดจำนวนการเจริญเติบโตของวัชพืชนั้นๆ ไกลโฟเซตยังไปหยุดการทำงานของเอนไซม์และกรดซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชและทำให้พืชตายในที่สุด ไกลโฟเซต เป็นสารเคมีกำจัดวัชพืชทำลายได้ทั้งชนิดใบกว้างและใบแคบ ระยะปลอดฝน 4-6 ชั่วโมง เมื่อเข้าสู่ต้นพืชทางใบ ก็จะเคลื่อนย้ายในต้นพืชได้ดี แต่กำจัดได้ดีที่สุดกับชนิดใบแคบ ใช้กำจัดวัชพืชที่มีหัวอยู่ใต้ดิน เห็นผลในสัปดาห์ที่ 3 แต่ถ้าต้องการให้ได้ผลดีต้องฉีดพ่นวัชพืชที่มีใบ 4-8 สัปดาห์ หรือต้นที่แก่เต็มที่ หากฉีดพ่นวัชพืชที่มีอายุน้อยมักจะไม่ได้ผล ไกลโฟเสทมีผลตกค้างในดินน้อยมาก เนื่องจากถูกจุลินทรีย์ในดินเป็นตัวย่อยสลาย ตอนนี้สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม EPA ออกคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่เกษตรกรรมที่ใช้ยากำจัดวัชพืชชนิดนี้เป็นเวลา 12 ชั่วโมงภายหลังการฉีดพ่น ส่วนกลุ่มอื่นๆ ก็จะมีระยะเวลาอยู่ที่ 1-4 สัปดาห์ สารพวกนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทางผิวหนัง ทางเดินหายใจ ยับยั้งการสร้างกรดอะมิโนใน Shikimate pathway ในพืช ราและแบคทีเรีย แต่คนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไม่มีกระบวนการนี้ ไกลโฟเซตจึงไม่เป็นพิษต่อคนและสัตว์ส่งผลเสียต่อร่างกาย ถ้าได้รับในจำนวนที่มากเกินไปจะทำให้เกิดอาการปวดหัว

ไกลโฟเซต ออกฤทธิ์กี่วัน ? Read More »

กลูโฟซิเนต แอมโมเนียม เผาไหม้ หรือ ดูดซึม?

กลูโฟซิเนต แอมโมเนีย เป็นอีกหนึ่ง ยาฆ่าหญ้ายอดนิยมในไทย โดนที่สามารถจะนำมาใช้ทดแทนสารเคมีกำจัดวัชพืชอื่นๆได้หลายประเภท โดยกลูโฟซิเนตสามารถออกฤทธิ์ได้ทั้ง เผาไหม้ และ ดูดซึม โดยกลูโฟซิเนตจะมีสถานะเผ่าไหม้ 70% ดูดซึม 30% และ ดูดซึมเร็ว แต่สลายตัวง่ายไม่ดูดซึมเข้าในดิน กลูโฟซิเนต แอมโมเนียม มีความเป็นพิษต่ำไม่มีผลกระทบต่อดินระบบรากและพืชผลปลอดภัยสำหรับพืชผล กลูโฟซิเนต แอมโมเนียมเป็นสารกำจัดวัชพืชแบบไม่เลือกทำลายไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยงมีความปลอดภัยต่อพืชประธาน ออกฤทธิ์ได้ไว หญ้าจะตายภายใน 2 วัน หลังจากใช้จะมีกระบวนการออกฤทธิ์แบบดูดซึมโดยดูดซึมเข้าทางใบและส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์แสงจะการเคลื่อนย้ายไปยังส่วนต่างๆของวัชพืช รวมทั้งรากเหง้าใต้ดินกำจัดหญ้าได้ทุกชนิด หลังจากฉีดพ่นไปแล้วสารจะถูกดูดซึมไปทุกส่วนของวัชพืช แล้วจะค่อยๆเหลืองแล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแห้งตายไปถึงส่วนรากของวัชพืชส่วนโคนจะฟื้นกลับคืนสภาพ เนื่องจากกลูโฟซิ แอมโมเนี มีฤทธิ์กำกึ่งระหว่างดูดซึมกับเผาไหม้ ในการเผาไหม้พอมีฤทธิ์กำกึ่งนำมาใช้ก็ลำบาก หญ้าตายช้าและหากใช้ในปริมาณที่ไม่มากพอหญ้าก็อาจจะไม่ตาย กลูโฟซิเนต-แอมโมเนียมเป็นสารเคมีที่เป็นกรดกรดฟอสฟอริกปัจจุบันกรดฟอสฟอริกถูกนำมาใช้เป็นผลิตสารพวกฟอสเฟต เช่น ผงซักฟอก สบู่ ปุ๋ย รวมถึงใช้ผสมเป็นวัสดุอุดฟัน จนถึงถูกใช้เป็นส่วนผสมของน้ำอัดลม โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แนะนำให้ใช้กลูโฟซิเนตแอมโมเนียมแทนพาควอต เนื่องจากพาควอตเป็นสารที่เป็นผลการะทบต่อด้านอุตสาหกรรมละที่สำคัญมีผลกระทบกับเกษตรกรที่เป็นต้นน้ำของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งกลูโฟซิเนตแอมโมเนียม นิยมในใช้กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดและอ้อย หลังจากพบว่ามีงานวิจัยของต่างประเทศว่ากูลโฟซิเนตแอมโมเนียมเป็นสารที่ไม่มีสารตกค้างต่างออกจากสารประเภทอื่นที่อยู่ในกลุ่มเผาไหม้และดูดซึม ในอดีตสารกำจัดวัชพืชกลูโฟซิเนต-แอมโมเนียม ได้แบนไปแล้วในสหภาพยุโรป ปี 2561 เพราะพบว่า เป็นพิษต่อระบบประสาท ทำให้ระบบสืบพันธุ์และการเจริญของทารกผิดปกติ และอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ชื่อสามัญ

กลูโฟซิเนต แอมโมเนียม เผาไหม้ หรือ ดูดซึม? Read More »

หน่วยงานที่ส่งเสริมการปลูกพืชไร่และพืชสวนของทางราชการ

การปลูกพืชไร่และพืชสวนของประเทศไทยเป็นไปอย่างกว้างขวาง และเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ใน สอบัน ทั้งนี้ก็เพื่อตอบสนองความต้องการในการบริโภคและอุปโภคของประชากรที่เพิ่มมากขึ้นตาม เจ้าดับ นอกจากนี้ก็ยังรวมถึงความต้องการในการส่งออกขายต่างประเทศ เพื่อนํารายได้เข้ามาสู่ประเทศ จากความต้องการดังกล่าวจะเห็นได้ว่า เป็นความต้องการผลผลิตจากการปลูกพืชไร่และพืชสวน ใน ปริมาณที่มากเกินกว่าที่จะใช้วิธีการปลูกตามธรรมชาติ หรือตามธรรมดาอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต รัฐบาล จึงได้จัดตั้งหน่วยงานที่จะส่งเสริมการปลูกพืชไร่และพืชสวนขึ้น เพื่อทําให้การปลูกพืชไร่และพืชสวนได้ รับผลผลิตที่ดีเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการ หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงเกี่ยวกับการปลูกพืชไร่และพืชสวนก็คือ กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ซึ่งนับได้ว่าเป็นหน่วยงานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่จะรับมอบหมายหน้าที่จากรัฐบาลมา ปฏิบัติ เพื่อให้บังเกิดผลตามเป้าหมายของการส่งเสริมชาวไร่และชาวสวน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมีหน่วยงานย่อยที่จะรับผิดชอบในการปฏิบัติเฉพาะอย่าง หน่วยงานย่อยของกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และมีส่วนสําคัญมากในการส่งเสริมการปลูกพืชไร่และพืชสวน มีดังนี้ 1. สํานักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานนี้จะมีหน่วยงานย่อยที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการปลูกพืชไร่และพืชสวนอยู่ 2 หน่วยงาน คือ กองบินเกษตร กองบินเกษตรจะทําหน้าที่ช่วยในด้านการใช้เครื่องบินปฏิบัติการฉีด หรือโปรยสารเคมีที่ใช้ใน การทําลายศัตรูพืชและโรคพืช ในพื้นที่ที่ต้องการ สํานักงานปฏิบัติการฝนหลวง จะมีหน้าที่ช่วยเหลือชาวไร่และชาวสวน ในขณะที่ประสบกับภาวะฝนแล้ง ซึ่งเป็นอันตราย ต่อพืช โดยจะทําให้เกิดฝนเทียมตกลงในพื้นที่ที่ประสบกับความแห้งแล้งนั้น 2. กรมชลประทาน กรมชลประทานจะทําหน้าที่ในการสร้างเขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ํา และอื่น ๆ

หน่วยงานที่ส่งเสริมการปลูกพืชไร่และพืชสวนของทางราชการ Read More »

(การทำพืชสวน) ปาล์มน้ํามัน ชนิด และ ประโยชน์ ของต้นปาล์ม

การทําสวนปาล์มน้ํามัน ปาล์มน้ํามันเป็นพืชเศรษฐกิจที่ทํารายได้มาสู่ประเทศมากเช่นเดียวกับพืชเศรษฐกิจชนิดอื่น ก่อน ปี พ.ศ. 2516 ประเทศไทยต้องสั่งซื้อน้ํามันปาล์มมาจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งผลิตน้ํามันปาล์มได้มากเป็น อันดับหนึ่งของโลก แหล่งผลิตน้ํามันปาล์มของโลกที่สําคัญ คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ซาอีร์ และ โกตดิวัวร์ ปัจจุบันประเทศไทยสามารถปลูกต้นปาล์มน้ํามัน และผลิตน้ํามันปาล์มใช้เองได้อย่างพอเพียง และยังมีส่งขายต่างประเทศอีกด้วย ปาล์มน้ํามันมีประโยชน์ทั้งด้านการบริโภคและอุตสาหกรรม ใช้ทดแทนน้ํามันพืชชนิดอื่นที่มี ราคาสูงกว่า ทําให้ลดการสั่งซื้อน้ํามันพืชหลายชนิดที่สั่งจากต่างประเทศ เช่น น้ํามันถั่วเหลือง ข้าวโพด งา ถังลิสง ดอกทานตะวัน เป็นต้น ประมาณ 1/4 ของน้ํามันที่ใช้บริโภคในประเทศได้มาจากน้ํามัน ปาล์ม สาเหตุที่ทําให้มีผู้นิยมบริโภคน้ํามันปาล์มมากขึ้น เนื่องจากวงการแพทย์ค้นพบว่าน้ํามันปาล์มมี ปริมาณคอเลสเทอรอลต่ํา ธรรมชาติของต้นปาล์มน้ํามัน ต้นปาล์มน้ํามันเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวในตระกูลปาล์มเช่นเดียวกับต้นมะพร้าว ต้นหมาก ต้นตาล ลําต้นตั้งตรงสูง 40-50 ฟุต อายุยืน 50-60 ปี แต่ชาวสวนปาล์มนิยมเก็บผลปาล์มในระยะ 20-25 ปี เท่านั้น หลังจากนั้นก็โค่นปลูกใหม่ เนื่องจากปาล์มที่มีอายุมากจะให้ผลผลิตต่ําไม่คุ้มกับการลงทุน และประหยัดค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยว ดอกปาล์มมีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่ในต้นเดียวกัน

(การทำพืชสวน) ปาล์มน้ํามัน ชนิด และ ประโยชน์ ของต้นปาล์ม Read More »

(การทำพืชสวน) ยางพารา การปลูก กรีดยาง และการรักษา

การทําสวนยางพารา ยางพาราเป็นพืชที่สําคัญต่อประเทศไทยรองมาจากข้าว สามารถทํารายได้ให้แก่ประเทศเป็น จํานวนมาก ปัจจุบันความจําเป็นในการใช้ยางมีปริมาณสูงขึ้น เพราะในชีวิตประจําวันของคนเราจะผูก พันอยู่กับยางเสมอ เช่น ทําเสื้อกันฝน ล้อรถ อุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์การเรียน กระเบื้องยาง เบาะรถ และของเด็กเล่น เป็นต้น เมื่อปี พ.ศ. 2444 พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ได้นําเมล็ดยางพารามา ทดลองปลูกที่จังหวัดตรัง โดยนําเมล็ดยางมาจากประเทศมาเลเซีย ต่อมาได้มีการขยายพันธุ์ยางไปปลูก ในบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด และระนอง โดยหลวงราชไมตรี (นายปุณ ปุณศรี) จากนั้นต้นยางก็เริ่มมี จํานวนมากขึ้นในแถบจังหวัดภาคใต้ ในปัจจุบันได้มีผู้นําไปทดลองปลูกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยางพารามีถิ่นกําเนิดแถบลุ่มแม่น้ําแอมะซอน ซึ่งอยู่ในประเทศบราซิล คําว่าพารานั้นเป็นชื่อของเมือง ท่าเรือแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งที่มีการขนส่งยางในสมัยก่อน และยังเป็นภาษาพื้นเมืองของอเมริกาใต้ ด้วย เราจึงเรียกรวมกันว่า “ยางพารา” การปลูกยางพารา 1. การเพาะด้วยเมล็ด เป็นการนําเมล็ดพันธุ์ยางไปปลูกในหลุมที่เตรียมไว้ หลุมละประมาณ 23 เมล็ด ทิ้งช่วงให้ต้นยางโตได้ขนาดประมาณ 3 เดือน

(การทำพืชสวน) ยางพารา การปลูก กรีดยาง และการรักษา Read More »